สิวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยสิวที่สังเกตเห็นได้เด่นชัด คือ สิวผดที่หน้าผาก โดยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนทฤษฎีปัญหาสุขภาพภายในบางอย่างมีผลต่อการเกิดสิวผดที่หน้าผากได้ งานวิจัยต่างประเทศบางชิ้นได้ระบุถึงสาเหตุการเกิดสิวผดที่หน้าผาก โดยสิวไม่ว่าจะเกิดขึ้นส่วนใดของร่างกาย อาการหรือสาเหตุสิวก็มักเริ่มต้นเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นสิวหน้าผาก สิวใบหน้า สิวแผ่นหลัง และสิวหน้าอก ล้วนเกิดจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่

การอุดตันของรูขุมขน
แบคทีเรียหรือเชื้อราในรูขุมขน
การสะสมของน้ำมันหรือซีบัม (Sebum)
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้หรือรับประทาน

ซึ่งสำหรับสิวผดที่หน้าผากเกิดขึ้นจากอะไร รักษายังไง ทีมงาน Beverly-O.com จะพามาดูกันเลย

ติดตามเราใน Facebook Beverly O

สิวผดที่หน้าผากเกิดจากอะไร

สิวผดที่หน้าผาก (Acne Aestivalis) พบได้ในทุกเพศทุกวัย มีลักษณะเป็นผดผื่นเม็ดเล็ก ๆ ประมาณ 1-2 มม. กระจายทั่วบริเวณหน้าผาก มีทั้งลักษณะสิวหัวขาวและสิวหัวดำ อีกทั้งสิวผดที่หน้าผากมักเกิดขึ้นจากเหงื่อ ฮอร์โมน การสวมหมวก หรือพฤติกรรมการรักษาสุขอนามัยส่วนตัว หากสิวหน้าผากไม่รุนแรงมากนัก การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างอาจช่วยให้หายไปได้เองใน 2-3 สัปดาห์ และสาเหตุหลักในการเกิดสิวผดที่หน้าผาก มีสาเหตุมาจากเหตุผลดังนี้

1. การผลิตน้ำมันส่วนเกิน

ปกติการผลิตน้ำมันใต้ชั้นผิวจะผลิตโดยต่อมไขมัน เพื่อน้ำมันจะถูกส่งผ่านรูขุมขนเพื่อปกป้องและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว แต่บางครั้งน้ำมันถูกผลิตมากเกินไปจนเกิดการอุดตันในรูขุมขน จึงก่อให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย จึงเป็นสาเหตุให้เกิดสิวผดที่หน้าผาก นั่นเอง

2. ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง และ ยาบางชนิด

สิวผดที่หน้าผากจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมีหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น วัยแรกรุ่น ยาบางชนิด ความเครียด ช่วงมีประจำเดือน เป็นต้น โดยสิวผดที่หน้าผากมักพบได้บ่อยในวัยรุ่น เนื่องจากระดับฮอร์โมนจะเปลี่ยนแปลงบ่อยมากที่สุดในวัยนี้ และยาบางชนิดอาจทำให้เกิดสิวได้ เช่น ยาสเตียรอยด์บางชนิด ยากันชัก ยาบาร์บิทูเรต และยาลิเธียม

3. ผลิตภัณฑ์เส้นผม

ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมขึ้นชื่อว่าเป็นสาเหตุของการเกิดสิวผดที่หน้าผาก เช่น ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ผลิตภัณฑ์ยืดผม น้ำมันใส่ผม เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะมีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันจากพืชชนิดอื่น ๆ ส่งผลให้ผิวมันกว่าปกติ หากเรามีเส้นผมหรือหนังศีรษะมันบ่อย ๆ ส่งผลให้น้ำมันสะสมบนหน้าผากและเกิดการอุดตันในรูขุมขน ทำให้เกิดสิวผดที่หน้าผาก ซึ่งมีการศึกษาชิ้นหนึ่งในต่างประเทศ พบว่า ผู้มีสิว 914 ราย ที่ใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมล้วนมีความสัมพันธ์การผลิตซีบัม จึงก่อให้เกิดสิวบริเวณทีโซนของใบหน้า นอกจากนี้ พบว่าการสระผมนาน ๆ ครั้ง ทำให้เส้นผมมัน ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดสิวผดที่หน้าผากได้เช่นกัน

4. การระคายเคืองจากสารเคมีในเครื่องสำอาง

สารเคมีในเครื่องสำอางบางชนิด เช่น เมคอัพ ครีมทาหน้า เป็นต้น เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผดที่หน้าผากได้ โดยเฉพาะคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย อาจเป็นสิวหน้าผากหลังจากใช้เครื่องสำอาง

5. การสัมผัสหน้าผากบ่อย ๆ

การสัมผัสหน้าผากบ่อย ๆ ก็สามารถทำให้เกิดสิวผดที่หน้าผากได้เช่นกัน เพราะมือของเราจะนำเชื้อโรคและแบคทีเรียไปสะสมในรูขุมขนได้ จึงก่อให้เกิดสิวและผิวหนังแย่ลงกว่าเดิม

6. พฤติกรรมประจำวัน

พฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำบางอย่างก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผดได้ เช่น การสระผมนาน ๆ ครั้ง ทำให้เกิดความมันส่วนเกินบนหนังศีรษะและหน้าผาก ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน รวมทั้งการสวมใส่หมวกหรือที่คาดผมนานเกินไป อาจทำให้หน้าผากระคายเคือง เกิดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ทำให้เกิดการผลิตน้ำมันส่วนเกินมากเกินไป จึงเป็นสาเหตุการเกิดสิวสิวผดที่หน้าผาก

วิธีรักษาสิวผดที่หน้าผาก

ไม่ว่าเราจะเป็นสิวผดที่หน้าผากมากน้อยแค่ไหน สิ่งสำคัญคือการรักษาอย่างถูกต้อง ประเมินและวิเคราะห์สาเหตุการเกิดสิวผดที่หน้าผากได้ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยง ป้องกัน และรักษาสิวผดที่หน้าผากอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

#1 ใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน

ในการรักษาสิวผดที่หน้าผาก เราเริ่มต้นด้วยการดูแลผิวหน้าให้ถูกวิธี ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่นและใช้ผ้าซับให้แห้งเบา ๆ เพื่อป้องกันการเสียดสีของสิวกับผ้าซับหน้า ป้องกันการอักเสบของสิว และการใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เกี่ยวกับใบหน้าและหนังศีรษะที่ระบุว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ไม่ระคายเคืองผิว ไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งจะช่วยรักษาสิวผดที่หน้าผากได้

#2 ดื่มชาบำรุงและใช้ว่านหางจระเข้

การเยียวยาจากธรรมชาติบางอย่าง สามารถช่วยรักษาสิวผดที่หน้าผากชนิดไม่รุนแรงได้ เช่น การทาว่านหางจระเข้ การดื่มน้ำชาเขียว การรับประทานอาหารเสริมสังกะสี และกรดอะเซลาอิก (Azelaic Acid)

#3 พบแพทย์ผิวหนัง

หากสิวผดที่หน้าผากมาพร้อมกับรอยแดงของผิวหนัง ผิวบอบบางแพ้ง่าย อาจเป็นสัญญาณโรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย (Rosacea) เราจึงต้องรักษาด้วยแพทย์ผิวหนัง รวมทั้งอาการสิวผดที่หน้าผากที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ รักษาจากต้นเหตุด้วยตนเองไม่หายสักที ทางออกที่ดีสุด คือการพบแพทย์ผิวหนัง โดยแพทย์จะทำการรักษาด้วยวิธีที่ดีที่สุดให้คนไข้ เช่น การรับประทานยา การทาเจลหรือครีมแต้มสิว อีกทั้งคลินิกความงามหลายแห่งก็มีโปรแกรมการรักษาสิวด้วยเลเซอร์

#4 งดกดสิวบนหน้าผาก

ใครอยากรักษาสิวผดที่หน้าผาก ห้ามกดสิวเองโดยเด็ดขาด การกดสิวด้วยตนเองทำให้สิวอักเสบและลุกลามได้ แถมทิ้งรอยแผลให้เจ็บใจอีกด้วย ทางที่ดีเราควรกดสิวด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างศูนย์รักษาสิวหลายแห่งในไทยจะมีบริการกดสิว ฆ่าเชื้อสิวและมีผลิตภัณฑ์รักษาสิวผดที่หน้าผาก

#5 สระผมบ่อยๆ

หากใครมีลักษณะเส้นผมมันเยิ้มตลอดเวลา ควรเลือกใช้แชมพูที่มีฉลากระบุว่า “ดูแลผมมันโดยเฉพาะ” หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันหรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ซึ่งช่วยช่วยลดการเกิดสิวผดที่หน้าผากได้

#6 หลีกเลี่ยงการไว้ผมหน้าม้า

ใครมีผมหน้าม้า ควรใช้ยางรัดผมดึงผมหน้าม้าขึ้นไป เพราะผมหน้าม้าทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและสะสมเชื้อโรค เพิ่มโอกาสให้เกิดสิวหน้าผากได้ โดยเฉพาะใครผมมันแล้วเป็นสิวผดที่หน้าผาก ควรหลีกเลี่ยงการตัดผมหน้าม้าชั่วคราว และหลีกเลี่ยงการสวมผ้าคาดศีรษะหรือใส่หมวกเป็นเวลานาน ๆ

#7 งดการสัมผัสใบหน้า หากมือไม่สะอาด

เพื่อป้องกันแบคทีเรียเข้าสู่รูขุมขน หากต้องสัมผัสหน้าผากต้องล้างมือก่อนทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการถูหน้าผากบ่อย ๆ ที่สำคัญในการรักษาสิวผดที่หน้าผากจะต้องใช้ผ้าซับใบหน้าให้แห้ง หลีกเลี่ยงการถูขยี้ใบหน้าหลังการล้างหน้า และซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนให้สะอาดอยู่เสมอ

#8 กินอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ

การรับประทานอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ หรือ Glycemic Index (GI) ต่ำ (เช่น นม นมอัลมอนด์ เป็นต้น) จะช่วยรักษาสิวผดที่หน้าผากได้ โดยการวิจัยในต่างประเทศ พบว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีอาหาร GI ต่ำ เช่น ชนเผ่าบางกลุ่มของปาปัวนิวกินีและปารากวัยไม่มีรายงานการเกิดสิวเลย โดยมีการตั้งสมมุติฐานกันว่าสิวผดที่หน้าผากอาจมีความสัมพันธ์กับการบริโภคนมของชนเผ่าเหล่านี้ หรืออาจเป็นเพราะฮอร์โมนบางอย่างที่อยู่ในนมพร่องมันเนยหรือมีปริมาณน้ำตาลในเลือดต่ำ สอดคล้องกับการศึกษาชิ้นหนึ่งในต่างประเทศ พบว่า เพศชายเป็นสิว 43 ราย ที่รับประทานอาหารที่มี GI ต่ำ จำนวน 12 สัปดาห์ สิวลดลงได้มากกว่าการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง

#9 งดการออกกำลังกายหรืออยู่ในที่ที่อากาศร้อน

สิวผดมักพบได้บ่อยเมื่ออากาศร้อนและมีเหงื่อออก หากคุณมีสิวผดขึ้น อาจงดออกกำลังกายหรืออยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจนกว่าจะรักษาสิวผดหายหรือดีขึ้นตามที่แพทย์ผิวหนังที่คุณพบแนะนำ

#10 ลดความเครียด

การใช้เวลาพักผ่อนอย่างเพียงพอ ช่วยรักษาสิวผดที่หน้าผากได้ งานวิจัยต่างประเทศชิ้นหนึ่ง ได้มีการศึกษาพฤติกรรมกลุ่มตัวอย่าง 22 ราย พบว่า ในช่วงที่มีเหตุการณ์ตึงเครียดในชีวิต (เช่น การสอบ) พบว่า ความรุนแรงของสิวจะเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีการศึกษาในต่างประเทศอีกหลายชิ้น พบว่าการผ่อนคลายและการลดความเครียดช่วยลดการเกิดสิวได้

อาการสิวผดที่หน้าผากของบุคคลอาจต้องใช้เวลาการรักษาหลายสัปดาห์กว่าจะหายเป็นปกติ ดังนั้น เราจำเป็นจะต้องอดทนกับช่วงเวลาการรักษาสิวผดที่หน้าผากอย่างถูกวิธี ไม่แคะ ไม่แกะ ไม่เกา ตามวิธีที่เราแนะนำในวันนี้ เพื่อลดการระคายเคืองผิวหนัง ไม่ทำให้สิวลุกลามในอนาคต จนเกิดเป็นรอยแผลเป็น และในไม่ช้าสิวก็จะหายในที่สุดค่ะ

แหล่งข้อมูล