ผู้ซื้อ Hermes โปรดระวัง: อ่านใบเสร็จของคุณดีดี

ผู้ซื้อโปรดระวัง? หรือ ผู้ค้าปลีกควรระวัง?

เราไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าควรจะเป็นใคร … แต่อย่างไรก็ตาม คุณจำได้หรือไม่ว่าครั้งสุดท้ายที่คุณอ่านใบเสร็จจากร้าน Hermes จริง ๆ คือเมื่อไร โดยเฉพาะหลังจากที่ซื้อกระเป๋า Birkin หรือ Kelly ของคุณออกมาจากช็อปเรียบร้อยแล้ว อย่ามัวแต่เพลินกับประสบการณ์ช็อปปิ้งได้กระเป๋าในฝันแล้วลืมทุกอย่างบนโลกนี้ไป อย่าลืมอ่านใบเสร็จกันด้วยนะคะ

รูปภาพจาก Pursebop.com

ซึ่งในตอนนี้ สิ่งที่ลูกค้าของ Hermes ควรจะสนใจจริง ๆ คือ ใบเสร็จ เพราะในหน้าใบเสร็จนี้ (หน้าใบเลย หน้าใบเสร็จตรง ๆ ไม่ใช่หลังใบเสร็จ) มีการสลักตัวอักษรสวยงามชัดเจน ด้วยประโยคว่า

“The customer represents and warrants that they are purchasing Hermès product in our boutiques for their personal use. Therefore, you agree you will not, directly or indirectly, resell Hermès products purchased in our boutiques for commercial purposes.“

ซึ่งแปลเป็นไทยง่าย ๆ ก็ คือ ยูรับรองและรองรับอย่างแน่ใจนะ ว่าสินค้าของ Hermès ที่คุณซื้อไปในครั้งนี้เนี่ย เอาไปใช้เอง ไม่ได้เอาไปขาย และ คุณยอมรับและตกลงด้วยว่า จะไม่นำสินค้า Hermès ไปขายต่อ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ในจุดประสงค์ทางการค้า

นั่นล่ะค่ะ เป็นสิ่งที่น่าสนใจ รูปใบเสร็จในบทความนี้ เอามาจากเว็บ Pursebop.com นะคะ และ ลูกค้าช็อปไทยเองก็ควรสังเกตเช่นกัน เพราะจากที่ทีมงาน Beverly O เราซื้อสินค้าของ Hermes ช็อปไทย ปี 2020 ออกมา ก็มีข้อความภาษาอังกฤษดังเช่นที่กล่าวไว้ด้านบนระบุไว้ในใบเสร็จเช่นกัน ซึ่งเห็นแล้วก็สะดุดตาไม่น้อย แต่ก็ไม่ค่อยแปลกใจ เพราะโดยส่วนตัวก็รู้สึกว่า เห็นร้าน Reseller ใน IG ต่างประเทศ ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด

ซึ่งหากลองวิเคราะห์ดูง่าย ๆ .. ว่าทำไม Hermes ถึงต้องทำเช่นนี้ ก็เป็นไปได้ว่าเพื่อป้องกันเหล่า Reseller ที่เข้ามาทำกำไรหลายเด้งต่อจากสินค้าของแบรนด์ หนำซ้ำยังนำไปขายในราคาสูงกว่าในช็อปหลายเท่าด้วย (อ่านข่าว แก๊ง Hermès Reseller ถูกจับด้วยข้อกล่าวหา เหมากระเป๋ากว่าครึ่งสต็อกไปขายต่อ) นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของ Value และ คุณค่าในตัวสินค้าและแบรนด์ของ Hermes

อย่างไรก็ตาม จากข้อความบนใบเสร็จ ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวลสำหรับลูกค้า Hermes ตัวจริง ที่ซื้อสินค้าเพื่อใช้เอง หรือ เป็นของขวัญให้กับคนที่รู้ใจ เนื่องจากบนใบเสร็จระบุไว้เป็นการยืนยัน ว่าการซื้อครั้งนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ทางการค้ามาข้องเกี่ยว

แต่ก็นั่นล่ะค่ะ เคสล่าสุดที่มีข่าวโดนจับกุมโดยตำรวจปารีส ก็เป็นเคสของ Reseller ที่ร่วมมือกับดารา เซเลป หรือ นักแสดง ให้ช่วยเข้าไปซื้อกระเป๋า Hermes จากช็อปเพื่อมาขายต่อ โดยอัพราคาขึ้นสูงกว่าเดิม 3 เท่า ทำเอาสต็อกกระเป๋าหายไปเป็นครึ่ง ลูกค้าตัวจริงอด ลูกค้าผู้ค้าปลีกกลับได้ทำกำไรแทน

ซึ่งก็อ้างว่า “ซื้อไปเป็นของขวัญให้ญาติที่กำลังป่วย”

บันเทิงกันล่ะทีนี้ แต่ใครที่ไม่ได้ซื้อไปขายต่อ ก็เห็นทีไม่มีอะไรจะต้องกังวล เพราะไม่ได้นำไปทำการค้าต่อไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ค่ะ

อ่านเรื่องนี้ต่อได้ที่ แก๊ง Hermès Reseller ถูกจับด้วยข้อกล่าวหา เหมากระเป๋ากว่าครึ่งสต็อกไปขายต่อ

ขอบคุณรูปภาพประกอบและแหล่งข้อมูล Pursebop.com