in , , , ,

7 เทคนิค ช่วยให้ลูกเรียนเก่ง ช่วยให้ลูกเรียนดี

ทำอย่างไรให้ลูกรักเรียน เรามี 7 เทคนิค ช่วยให้ลูกเรียนดี เทคนิคช่วยให้ลูกเรียนเก่ง

7 เทคนิค ช่วยให้ลูกเรียนเก่ง ช่วยให้ลูกเรียนดี

ลูก ๆ ของคุณอาจชอบไปโรงเรียน สนุกกับชั้นเรียน ชอบคุณครูและเพื่อนนักเรียน ลูกอาจทำการบ้านไม่มีขาด อาจพยายามอย่างเต็มที่ในการเรียน แต่ความพยายามและกระตือรือร้นนี้อาจไม่มีผลต่อเกรดเฉลี่ยที่คุณและลูกเฝ้าคอยหากสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหรือเป็นสิ่งที่คุณกำลังกังวล เรามีเทคนิคและเคล็ดลับจาก Edmentum ซึ่งเป็น “เทคนิค ช่วยให้ลูกเรียนเก่ง ช่วยให้ลูกเรียนดี” โดยมุ่งเน้นที่การสร้างทักษะและฝึกการเรียนรู้อย่างประสิทธิภาพมาฝากค่ะ

ทำอย่างไรให้ลูกรักเรียน ความสำเร็จในห้องเรียนไม่สามารถเกิดขึ้นได้แค่เพราะสิ่งเดียว แต่ประกอบด้วยหลายอย่างประกอบกัน เช่น ทัศนคติ นิสัยและความพยายาม ที่ผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว ทักษะการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญพอ ๆ กันกับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กเด็กที่เรียนได้เกรด A ไม่ได้เก่งตั้งแต่เกิด แต่อยู่ที่การฝึก” Katie O’Brien และ Hunter Maats นักเขียน The Straight-A Conspiracy อธิบาย ทั้งสองท่านเคยเป็นติวเตอร์ให้กับเด็กนักเรียนนับพันคน และเคยร่วมกับ Princeton Review study ในการออกหนังสือติวสอบนักเรียนทุกคนในสหรัฐอเมริกามีความสามารถที่จะได้เกรดตามที่พวกเขาอยากได้ โดยไม่จำเป็นต้องเครียดการจัดการกับอารมณ์ การกำจัดสิ่งรบกวน และการสร้างแผนการเรียน สามารถทำให้นักเรียนเรียนรู้ได้เร็วขึ้น สนุกขึ้น และง่ายมากยิ่งขึ้นสำหรับนักเรียนและผู้ปกครองมากกว่าที่พวกเขาเชื่อ

ดังนั้นในฐานะผู้ปกครอง คุณคิดว่าคุณสามารถช่วยให้ลูกและบุตรหลานของคุณพัฒนาทักษะทางการเรียน ที่มีผลต่อความสำเร็จทางด้านวิชาการ หรือเรียนเก่งขึ้นได้อย่างไร? เรามีเคล็ดลับวิธีช่วยให้ลูกเรียนเก่งมาฝากค่ะ

คุณอาจสนใจ

วิธีช่วยให้ลูกเรียนเก่ง เทคนิคช่วยให้ลูกเรียนเก่ง เรียนดี

1. เตรียมห้องเรียน หรือ จัดสรรพื้นที่สำหรับให้เด็กเรียนหนังสือหรือทำการบ้าน

ที่บ้านของคุณมีโต๊ะทำงานส่วนตัวสำหรับลูกหรือไม่? โต๊ะที่เอื้ออำนวยและเป็นพื้นที่ให้ลูกอ่านหนังสือ ทำการบ้าน ให้ลูกนั่งทำงานเป็นของลูกส่วนตัว? … ถามตัวเองว่าที่ตรงนั้นมีแสงสว่างเพียงพอและอยู่ห่างจากสิ่งรบกวนอื่น ๆ หรือไม่วางอุปกรณ์การเรียนที่เป็นประโยชน์ไว้ในมุมนี้ เช่น กระดาษ Post-it, ปากกาสีสันสดใส, ปากกาเน้นข้อความ และกระดาษสำหรับจดบันทึกสนับสนุนให้ลูกหรือบุตรหลานรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของพื้นที่นี้ โดยให้อิสระในการตกแต่งพื้นที่ และสอนให้จัดระเบียบหรือเก็บของทุกคืน เพื่อให้โต๊ะพร้อมใช้งานในโอกาสถัดไป

2. ทำตามสมุดจดแพลนเนอร์

การบริหารจัดการเวลาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยเพิ่มพูนทักษะการเรียนให้มีประสิทธิภาพ คุณสามารถช่วยนักเรียนหรือลูกสอนวิธิใช้สมุดแพลนเนอร์สำหรับจดบันทึกวางแผนเวลาการทำการบ้าน เขียนวันที่กำหนดส่งงานและโปรเจ็ค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณครูแจ้งวันส่งงานล่วงหน้ามาแล้ว จากนั้น สิ่งสำคัญคือต้องโฟกัสไปที่งานที่ได้รับมอบหมาย และช่วยลูกเตรียมการสอบที่สำคัญโดยให้แบ่งเนื้อหาเป็นหัวข้อและกำหนดเวลาว่าจะอ่านทบทวนแต่ละหัวข้อในวันใดจนกว่าจะถึงวันสอบในส่วนของโปรเจคใหญ่ ๆ ก็สามารถทำคล้ายกันได้โดยแยกสิ่งที่ต้องทำออกเป็น Milstone และทำกำหนดส่งงานให้เสร็จทีละอย่างตามลำดับก่อนหลังที่ควรจะเป็น สิ่งนี้สามารถช่วยแก้ปัญหาการทำงานแบบยัดเยียดและการผลัดวันประกันพรุ่ง (และสร้างความมั่นใจให้กับเด็กไปในตัว) ช่วยให้เด็กรู้สึกว่าไม่มีงานล้นมือและรู้สึกว่าสามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้

3. จดบันทึกอย่างมีประสิทธิภาพ

คุณเคยได้ยินเรื่อง Cornell Notes หรือไม่? การจดบันทึกด้วยวิธีการแบบคลาสสิคสามารถช่วยให้ลูกของคุณประมวลผลสิ่งที่ได้เรียนมาในห้องเรียนและจดจำได้ว่าเรียนอะไรไปบ้าง ซึ่งมีคนทำวิจัยด้วยนะว่าการเขียนโน้ตด้วยมือมีผลลัพธ์ดีกว่าการไม่จดโน้ตหรือใช้แล็ปท็อปจด สอนลูกของคุณให้อ่านหนังสือด้วยกุลยุทธ์แบบ Active เช่น อ่านไปด้วยจดโน้ตไปด้วย หรือ ไฮไลท์เนื้อหาสำคัญและข้อความ ที่มีประโยชน์สำหรับช่วยจำหรือทำความเข้าใจ

4. ฝึกทำข้อสอบ

การทบทวนเนื้อหาไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการเตรียมสอบ แทนที่จะทำเช่นนั้น คุณสามารถใช้วิธีที่ช่วยให้ลูกมีส่วนร่วมกับการเตรียมสอบ เช่น การทดลองทำข้อสอบ หรือ ใช้ Flash Card ถามตอบและสามารถให้ลูกลองทบทวนคำถามและเขียน Essay สั้น ๆ อธิบายคำตอบ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ดีที่ทำให้มั่นใจว่าลูกเข้าใจคำตอบจริง ๆ

5. หลีกเลี่ยงการยัดเยียด

การทบทวนบทเรียนวันละเล็กน้อยดีกว่าการดั้นด้นอ่านเนื้อหาให้จบภายในวันเดียว คุณสามารถช่วยลูกแบ่งเวลา ตั้งเวลาสำหรับทบทวนเนื้อหาแต่ละวิชารายวัน อาจไม่ต้องมาก เช่น ทบทวนวันละ 10 นาที ก็สามารถช่วยได้แล้ว! และการสนับสนุนให้เด็กแบ่งเวลาทบทวนหนังสือแล้วพักเบรกก็สำคัญมากเช่นกัน โดยทุก ๆ 1 ชั่วโมงที่ทบทวนบทเรียน ควรพักเบรกประมาณ 15 นาที เพื่อให้เด็กโฟกัสกับเนื้อหาได้และทบทวนบทเรียนอย่างมีคุณภาพ

6. สอนให้ลูกขอความช่วยเหลือ

บางครั้งเด็กอาจประสบปัญหาในการทำความเข้าใจเนื้อหาบางรายวิชา หรือไม่เข้าใจการบ้านที่กำลังทำอยู่ในคืนนั้น หากเกิดเคสแบบนี้ขึ้น (ซึ่งโดยปกติเกิดขึ้นกับทุกคนในบางโอกาส) การขอความช่วยเหลือคือสิ่งที่ต้องทำสอนเด็กให้ลอง Challenge ตัวเองโดยกล้ายกมือถามกับคุณครูในห้องเรียนเพื่อขอความช่วยเหลือก่อน และอย่ากลัวที่จะพูดสิ่งที่กังวลกับคุณครูด้วยตัวเอง สอนเด็กให้สร้างการทำงานที่มีประสิทธิภาพกับนักเรียนคนอื่น ๆ และขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเมื่อจำเป็น ซึ่งเป็นอีกบทเรียนสำคัญในการเรียนรู้ที่จะถาม ขอ ได้รับ หรือ เสนอความช่วยเหลือ

7. หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน

สอนให้เด็กรู้จักวางโทรศัพท์มือถือ หรือ คอมพิวเตอร์ ปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดที่เป็นสิ่งรบกวนสมาธิในการเรียน การทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกันทำให้การเรียนรู้ไม่มีประสิทธิภาพเช่นกัน พยายามสนับสนุนให้เด็กโฟกัสไปที่การทำอะไรเพียงหัวข้อเดียวเป็นช่วงเวลา ก่อนที่จะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น และทั้งหมดทั้งมวล ควรดูให้แน่ใจว่าลูกนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอและหลับสนิท และดูแลเรื่องการรับประทานอาหารของเด็กเช่นกันเพื่อให้เด็กโฟกัสได้อย่างเต็มที่และใช้เวลากับการทบทวนหนังสือและการเรียนได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด

พ่อแม่ อยากให้ลูกเรียนเก่ง ไม่เครียด และนี่ก็เป็นวิธีที่จะช่วยทำให้ลูกรักเรียน เทคนิคช่วยให้ลูกเรียนเก่ง เทคนิค ช่วยให้ลูกเรียนดี ที่ Beverly-O.com นำมาฝากนะคะ

คุณอาจสนใจ


สร้างบัญชี เขียนบทความและรีวิว ในเว็บไซต์ Beverly O คลิกที่นี่

Report


ชอบเว็บไซต์ของเรา? ตั้งกระทู้ เขียนรีวิว หรือ บทความ หรือ สนใจลงโฆษณา ติดต่อทีมงาน Beverly-O

Written by BeverlyO

คู่มือ “เข้าร้านแบรนด์เนมครั้งแรก” ต้องทำอย่างไร ต้องเตรียมตัวยังไง

คู่มือ “เข้าร้านแบรนด์เนมครั้งแรก” ต้องทำอย่างไร ต้องเตรียมตัวยังไง

รีวิว วิธีสอน Phonics เด็ก 4-6 ขวบ วิธีสอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ แบบโรงเรียนนานาชาติ

รีวิว วิธีสอน Phonics เด็ก 4-6 ขวบ วิธีสอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ แบบโรงเรียนนานาชาติ